Fly’n’Ride พิษณุโลก-เขาค้อ-เพชรบูรณ์

แม้ว่าในทางธุรกิจจะมีคำว่า High season และ Low season สำหรับการท่องเที่ยว แต่สำหรับนักเที่ยวตัวจริงย่อมรู้ว่า เมืองไทยของเรามีแหล่งท่องเที่ยวดีๆให้แวะไปหาความสุขได้ในทุกฤดูกาล แค่ต้องรู้ว่า ฤดูไหนเหมาะจะไปเที่ยวไหน และเมื่อมาถึงช่วงหน้าฝนเรื่อยไปจนถึงหน้าหนาว ก็เป็นฤดูที่นักเที่ยวรู้กันดีว่า เหมาะสุดๆกับการไปเที่ยวภูเขา เพราะจะได้ชมธรรมชาติที่เขียวขจีของป่าเขาลำเนาไพร อีกทั้งอากาศก็ไม่ร้อนจนเกินไป และหนึ่งในจุดหมายดีๆสำหรับคนชอบป่าเขาลำเนาไพรก็คือ “เขาค้อ” นั่นเอง


เขาค้อ เป็นชื่อเรียกรวม ของกลุ่มภูเขาน้อยใหญ่ ที่ทอดตัวเรียงราย สลับกันในภาคเหนือตอนล่าง เป็นที่ตั้งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่บนภูเขา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้แต่ในฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี เพียง 18-25 องศาเซลเซียสเท่านั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้มาพักผ่อน เขาค้อ มีความสูง 1,174 เมตร สภาพอากาศบนเขาค้อจึงค่อนข้างเย็น และเย็นจัดในฤดูหนาว และยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม


ทริปนี้เป็นรายการ #หนีลูกเที่ยว ที่สนุกสนาน ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากโต๊ะทำงานมาสัมผัสธรรมชาติคลายเครียด สำหรับคนที่ยังไม่เคยรู้จักแหล่งท่องเที่ยวในแถบจังหวัด “พิษณุโลก-เพชรบูรณ์” หรือไม่ค่อยรู้เรื่องที่น่าสนใจของ “เขาค้อ” อยู่ดีๆจะให้ขับรถมาเที่ยวก็คงไม่คิดมา แต่สำหรับเราถือเป็นโชคดีที่ #นกแอร์ กับ #โรงแรมอิมพีเรียลภูแก้วรีสอร์ท เค้าจับมือกันแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว และเราได้รับเชิญมาสัมผัสประสบการณ์ งานนี้ต้องขอบคุณ น้องกิปปุ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ของ บริษัท ทีซีซีโฮเทล แอสเสท แมนเนจเม้นท์ จำกัด และ น้องอุ้ม จาก นกแอร์ ที่พาไปเปิดหูเปิดตา และต้อนรับอย่างดีเยี่ยม โดยบินจาก #ดอนเมือง มาลง #พิษณุโลก เครื่องออกตอนหกโมง มาถึงพิษณุโลกตอนประมาณแปดโมง เที่ยวพิษณุโลกช่วงเช้า ก่อนจะนั่งรถต่อไปเที่ยว #เขาค้อ ฝั่ง #เพชรบูรณ์ ก็เลยได้รู้ว่า มีอะไรน่าสนใจให้เที่ยวมากมาย

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร-จังหวัดพิษณุโลก

จุดแรกที่เราได้รู้จักกับเมืองพิษณุโลกก็คือ #วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คณะของเราได้เข้าไปเยี่ยมชมวิหาร และกราบสักการะพระพุทธชินราช เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะไปรับประทานอาหารเช้าที่ #โรงแรมอัมรินทรลากูน แวะล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ เตรียมกายเตรียมใจนั่งรถตู้ไป อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยรถออกจากโรงแรมประมาณ 10.30 น.

.
นั่งรถมาได้สักครู่เราก็มาถึงสถานที่อันน่าทึ่ง คือ #โรงเจไซทีฮุกตึ๊งเจ้าพ่อเห้งเจีย หรือจุดชมวิวดอยสุเทพ 2 อยู่บนเขาสมอแคลง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก สถานที่แห่งนี้เป็นโรงเจที่ดีไซน์ฉวัดเฉวียนสีสันฉูดฉาดแปลกตามาก บ่งบอกถึงรสนิยมทางศิลปะอันเผ็ดร้อน และศรัทธาอันแรงกล้าของผู้สร้าง ที่เป็นศูนย์รวมขององค์เทพเจ้าและบรรดาเซียนต่างๆประดิษฐานให้สาธุชนสักการะขอพร สถานที่นี้ตั้งอยู่บนที่สูงจึงมองเห็นวิวกว้างไกลสุดสายตา มีรายละเอียดน่าสนใจมากมายถ่ายรูปกันเพลินเลยทีเดียว

โรงเจไซทีฮุกตึ๊ง เจ้าพ่อเห้งเจีย

ออกจากโรงเจ เรานั่งรถขึ้นเขาต่อไปตามเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จอดรับประทานอาหารเที่ยงที่ #ร้านกลิ่นข้าวไร่ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ #ไร่จันทร์แรม อาหารรสชาติใช้ได้ วิวสวยแบบพาโนรามา เป็นทั้งรีสอร์ทและร้านอาหารที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยือนบ่อยๆ บรรยากาศสดใสด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลากสี แดดจัดจ้า แต่อากาศไม่ร้อน

ไร่จันทร์แรม

เสร็จจากอาหารเที่ยงประมาณ 13.30 น. เราออกเดินทางต่อ โดยจุดหมายถัดไปที่เรามาถึงประมาณ 14.30 น. คือ “แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แมงกะพรุนน้ำจืด (แมงยุ้มวะ) ที่แก่งบางระจัน” ตอนที่มาถึงอากาศกำลังดี มีแดด แต่ไม่ร้อนมาก เป็นจุดที่น่าสนุกเพราะได้ลงเรือล่องลำน้ำเข็ก ชมวิว ถ่ายรูปสวยๆกันไประหว่างทาง แม้ว่าตอนที่เราไปถึงจุดชมแมงกะพรุน จะไม่มีแมงกะพรุนมาให้เราเห็นมากมายอย่างที่คาดไว้ แต่ก็มีลานผีเสื้อ ที่มีฝูงผีเสื้อสวยนับร้อยบินว่อนให้ชมอย่างตื่นตาตื่นใจ และมีฝูงปลาตัวโตๆมาทักทายกลางสายน้ำเข็ก เป็นบรรยากาศที่สนุกน่าตื่นเต้นไม่น้อย

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ตรงนี้ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังที่พัก ในเวลา 16.00 น. ระหว่างทางก่อนถึงโรงแรมเขาจอดให้เราแวะซื้อของฝากที่ตลาดของฝากเล็กๆริมทางประมาณ 20 นาที แน่นอนว่า ถ้ามา#เพชรบูรณ์ ก็ต้องซื้อ #มะขามหวาน เพราะเป็นของฝากขึ้นชื่อของที่นี่ ราคาไม่แพง ซื้อของเสร็จก็ขึ้นรถตู้ต่อไปตามเส้นทางที่เขียวขจี มาถึง The Imperial Phukaew Hill Resort ประมาณ 17.00 น. ทันชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆพอดี

รีสอร์ทนี้ ห้องกว้าง วิวดี ขนาดพื้นที่โครงการกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศเงียบสงบ กลางคืนลมพัดแรง ขนาดเรามาตอนปลายฤดูร้อน อากาศบนนี้ยังสบายๆ ถ้ามาหน้าฝนหรือหน้าหนาว คงเย็นสบายและสวยยิ่งกว่านี้มาก เช็คอินเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่าสบายตัวกันแล้ว ก็ไปรับประทานอาหารค่ำที่ #ห้องอาหารระบียงแก้ว สิ่งที่พิเศษของค่ำคืนนี้คือ มีการแสดงพื้นเมืองของเด็กๆที่น่ารักให้ชมด้วย ตกค่ำจนถึงรุ่งสางอากาศค่อยๆเย็นลง อุณหภูมิประมาณ 20-22 องศาเซลเซียส นอนไม่ต้องเปิดแอร์กันเลย กลางวันอาจจะมีทั้งร้อนและฝน จัดว่าเป็นรีสอร์ทสามฤดู ราคาดี น่ามาพักยาว หอบสีหอบแคนวาสมาเขียนรูปสักคอลเลคชั่นหรือเขียนนิยายให้จบสักเล่มท่าจะเหมาะ


ตื่นเช้ามาพบกับอากาศเย็นสบายและอุ่นท้องด้วยอาหารเช้ากันเรียบร้อยก็ได้เวลาออกไปเที่ยวต่อ ก่อนออกเดินทางน้องอุ้ม ตัวแทนสปอนเซอร์ใหญ่จาก #NokAir แจกพัดลมให้ชาวคณะคนละอัน ใส่แบตพร้อม เสมือนบอกเป็นนัยๆว่า ช่วงบ่ายคงได้ใช้ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า ในหนึ่งวันจากที่หนาวเย็นในตอนกลางคืนจะกลายเป็นอากาศร้อนได้ใจในตอนกลางวัน

จุดหมายแรกในเช้าวันที่สองของการท่องเที่ยวเขาค้อคือ ไปเที่ยวชมไร่สตรอเบอรี่ แม้ว่าช่วงที่เรามาคือต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงท้ายฤดูแล้ว สตรอเบอรี่ในไร่ก็ยังพอมีเหลือให้เก็บกันพอสนุกสนาน แต่ถ้าใครอยากได้เป็นของฝากจำนวนมากๆ เขาก็มีขายทั่วไป ไร่สตรอเบอรี่ที่เรามาชื่อว่า “ไร่สตรอเบอรี่ใหญ่ที่สุด” คือใหญ่สุดจริงไหมไม่รู้ แต่ชื่อของเขาคือ ใหญ่ที่สุด เข้าใจตั้งชื่อจริงๆ ระหว่างทางเราจอดข้างทางแวะซื้อข้าวหลามลืมผัวมาชิมกันคนละนิดละหน่อย

ทุ่งกังหัน

ถัดจากไร่สตรอเบอรี่เราขึ้นเขาค้อไปชม แหล่งผลิตไฟฟ้ากังหันลม เป็นทั้งแหล่งผลิตไฟฟ้าและแหล่งท่องเที่ยว ชื่อว่า “ทุ่งกังหัน” ที่นี่มีมัคคุเทศน์มานำชมและให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นที่นี้ โดยเขาบอกว่า ชื่อเขาค้อ มีที่มาจาก ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก ซึ่งโดยปกติต้นค้อจะขึ้นในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น ป่าไม้ในแถบนี้เป็นป่าเต็งรังหรือป่าไม้สลัดใบ ป่าสน และป่าดิบ ที่น่าสนใจก็คือ พันธุ์ไม้ตระกูลปาล์ม ลักษณะคล้ายต้นตาล แต่ออกผลเป็นทะลายคล้ายหมาก แม้ปัจจุบันป่าจะถูกถางไปมากก็ตาม แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง โดยในอำเภอเขาค้อ นอกจากจะมีความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ยังเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ทางราชการ ใช้ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีต ก่อนที่ผกค. จะแพ้พ่าย และสูญหายไปจากประเทศไทย ซึ่งสถานที่สำคัญหลายแห่งบนเขาค้อ ยังปรากฎหลักฐานเหล่านี้อยู่จำนวนมาก

บนจุดชมวิวทุ่งกังหันมีเพิงขายของเล็กๆ ที่มีลูกค้อวางขายอยู่ด้วย เราไม่ได้ซื้อ แต่ขอหยิบจากที่เขาวางให้นักท่องเที่ยวชิมมาลองนิดหนึ่ง รสชาติมันๆ หวานอ่อนๆ มีรสฝาดและมีรสเผ็ดเปรี้ยวฉุนแบบหมากเจืออยู่เบาๆ ซึ่งก็ไม่แปลกใจ เพราะลูกค้อเป็นพืชตระกูลเดียวกับหมากนั่นเอง

.
ขับรถลงมาจากเขาค้อเจอฝนระหว่างทาง ทำให้มื้อเที่ยงของวันนี้ช้ากว่าปกตินิดหน่อย เราได้มาจอดรับประทานอาหารเที่ยงและช้อปปิ้งสินค้าพื้นถิ่นของเพชรบูรณ์ที่ #ไร่กำนันจุล อาหารรสชาติดี มาเป็นจานโตๆ กินกันอิ่มหนำ ตบท้ายด้วยวุ้นอร่อยมาก กินไปหลายชิ้น ติดกับร้านอาหารก็มีส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตทันสมัยที่ขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูปและหัตถกรรมชื่อว่า #GreenHouse มีของอร่อยหลายอย่าง และของใช้หัตถกรรมโดยเฉพาะผ้าทอต่างๆของเขาก็เก็ไก๋ทีเดียว

ไร่กำนันจุล

อิ่มจาก ไร่กำนันจุลประมาณ บ่ายสามโมง ก็ไปชมพุทธอุทยานเพชรบุระ สักการะพระพุทธมหาธรรมราชาฯองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ฝนตกปรอยๆ เราติดฝนกันอยู่แป๊บนึงก่อนจะไปสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองในช่วงบ่ายแก่ๆ

วัดพระพุทธมหาธรรมราชา

ตกเย็นราว 16.30 น. เราก็มาถึง ถนนคนเดิน #ตลาดไทหล่ม ชมวิถีชีวิตชาวไทหล่ม อ.หล่มสัก เป็นตลาดนัดกลางแจ้งที่มีสีสันน่าสนใจ ขายทั้งของกินของใช้ทั้งของปัจจุบันและย้อนยุค มีการแสดงให้เห็นถึงวถีชีวิตดั้งเดิมของคนพื้นเมืองชาวไทหล่ม พื้นที่ของถนนคนเดินนี้กินอาณาบริเวณกว้างมาก นอกจากจะมีเส้นทางตรงที่มีของขายและมีคนเดินแน่นขนัดตลอดทางแล้ว ยังมีส่วนที่แยกออกไปเป็นโซนตลาดน้ำอีกด้วย เดินชม ช้อป และชิมกันเพลิน

ที่ติดใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นเมนูยำไข่มดแดงที่เป็นอาหารพื้นถิ่นตามฤดูกาลซึ่งคนขายบอกว่าจะมีแค่ช่วงนี้เท่านั้น เขายำกันสดๆให้ชิมเลย ราคาไม่แพง แค่ยืนมองก็น้ำลายหก นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆอีกหลายอย่างที่น่าชิม เช่น ห่อหมกไข่มดแดง พล่ากุ้งเต้น ฯลฯ

ชิมกันสนุกแล้วยังไม่สะใจก็ไปจัดเต็มมื้อเย็นกันต่อที่ร้าน #ลาบเป็ดหล่มสัก ท้องกางไปตามๆกัน พอนั่งรถกลับถึงที่พัก อาบน้ำอาบท่าแล้วก็หลับปุ๋ย เพราะอากาศเย็นสบายดีมากๆ

.
ตื่นเช้าวันสุดท้ายของทริปอย่างสดชื่น หลังมื้อเช้าเรานั่งรถตรงไปชมสถานที่สำคัญ ไฮไลท์ของเพชรบูรณ์ก็คือ #วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ใครมาเพชรบูรณ์แล้วไม่ได้ไปที่นี่ ถือว่า มาไม่ถึง

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือชื่อเดิมว่า สถานปฏิบัติธรรม พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนยอดเนินเขาบนเชิงหน้าผาของภูเขาที่มีชื่อว่า “ผาซ่อนแก้ว” บนถนนสาย 12 พิษณุโลก-หล่มสัก มีจุดเด่นสำคัญคือ องค์พระเจดีย์สูงสง่า ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน เจดีย์วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีชื่อเต็มว่า เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชธรรมนฤมิตร รูปร่างขององค์เจดีย์ สร้างเลียนแบบดอกบัวที่ซ้อนกัน 7 ชั้น เพื่อถวายแด่องค์พระพุทธเจ้า สีสันที่สดใสของเจดีย์ เกิดจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้ว แหวน เงินทอง เพชร พลอย สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่ง เป็นลวดลายที่สวยงาม เห็นแล้วคิดถึงงานออกแบบของสถาปนิก Antoni Gaudi


บริเวณรอบวัด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีมหาวิหาร เป็นพระอุโบสถ เป็นรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ขนาดสูงใหญ่ ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางยอดเขา มีบ้านพักของผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมก่อสร้างเรียงรายไล่ระดับกันลงไปตามแนว เนินเขา ร่มรื่นไปด้วยไม้เมืองหนาว และต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา บรรยากาศโดยรวมแม้จะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตโอฬาร แต่ก็เป็นธรรมชาติ เดินๆอยู่อาจจะเจอนกยูงตัวโตรำแพนให้ดูตรงหน้า ตื่นเต้นอย่าบอกใคร


เราออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งไป #อุทยานภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เส้นทางช่วงนี้ต้องผ่านป่าเขา และค่อนข้างยาว


นั่งหลับๆตื่นๆกันไปครู่ใหญ่ก็มาถึงจุดพักกินอาหารเที่ยงที่ #ร้านรังทอง เติมพลังก่อนไปเดินชมทิวทัศน์ใต้ละอองฝนพรำๆที่ #อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่น่าสนใจและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 เป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติแปลกตาและสวยงาม ทั้งยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ เป็นยุทธภูมิสำคัญในอดีต ที่เกิดจากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)

ลานหินแตก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ภูหินร่องกล้ามีลักษณะภูมิอากาศคล้ายกับภูเขาสูงของจังหวัดเลยเช่น ภูกระดึงและภูเรือ เนื่องจากมีความสูงในระดับไล่เลี่ยกัน อากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำประมาณ 4 องศาเซลเซียส แม้ในฤดูร้อนก็ยังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์การสู้รบ โรงเรียนการเมืองการทหาร กังหันน้ำ สำนักอำนาจรัฐ โรงพยาบาลรัฐ ลานอเนกประสงค์ สุสาน ทปท. ที่หลบภัยทางอากาศ หมู่บ้านมวลชน


จุดที่เราได้แวะเดินถ่ายรูปกันสบายๆในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ก่อนฝนจะเทลงมาคือ #ลานหินแตก เป็นลานหินที่มีอาณาบริเวณประมาณ 40 ไร่ ลานหินมีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบขนาดพอคนก้าวข้ามได้ แต่บางรอยก็กว้างจนไม่สามารถจะกระโดดข้ามไปถึง สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณลานหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ

หลังจากรีบวิ่งขึ้นรถหนีฝนกันอย่างสนุกสนานที่ลานหินแตกแล้ว เราก็พร้อมใจกันหลับไปบนเส้นทางสีเขียวที่มุ่งหน้าไปสู่สนามบินพิษณุโลกเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ปิดทริปพร้อมรอยยิ้ม ความสนุกสนาน ความทรงจำดีๆจากเขาค้อ และความตั้งใจว่า จะต้องกลับมาเที่ยวอีกในอนาคตอันใกล้ เพราะยังมีของดีอีกหลายอย่างให้ค้นหา บนเส้นทาง FLY-N-RIDE ของ #NokAir ที่บินเพียงชั่วโมงกว่าๆจากกรุงเทพฯ และนั่งรถเที่ยวต่อไปตามเส้นทางสวยๆจากพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพื่อชมสิ่งที่น่าสนใจมากมายบนเขาค้อ ซึ่งจะยิ่งสวยงามกว่านี้ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว โดยเฉพาะหน้าหนาวนั้น เจ้าถิ่นยืนยันว่าบรรยากาศเย็นสะใจเหมือนไปเที่ยวเมืองนอกเลยทีเดียว คงต้องเตรียมตัวมาพิสูจน์กันในเร็วๆนี้แน่นอน


อ้างอิง: http://www.khaoko.com

#imperialphukaewhillresort #imperialhotelandresorts
#nokair #SmilingAcrossAsia #ChooseYourNok