วิธีรับมือกับวายร้ายในที่ทำงาน
มีคำกล่าวว่า งานหนักไม่เคยฆ่าคน แต่คงมีหลายคนรู้สึกอยากตายไปเสียให้พ้นๆ ทุกวันที่ต้องตื่นมาฝ่าฟันการจราจร เพื่อให้ไปถึงออฟฟิศที่มีเพื่อนร่วมงานร้ายๆ ทำให้หนักใจจนแทบไม่อยากจะทนทำงานต่อไป แม้งานนั้นจะเป็นงานที่ไม่หนัก รายได้ดี มีอนาคต และอาจเป็นงานในฝันของคุณ
ความสุขในการทำงานมีผลต่อคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะสุขภาพจิต ที่จะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพกายในเวลาต่อมา เพราะคนวัยทำงานต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของชีวิตในระหว่างตื่นนอนจนถึงเข้านอน อยู่ในบรรยากาศที่ทำงาน แต่หากการลาออกหรือเปลี่ยนงานไม่ใช่ทางที่คุณเลือกแน่ๆ ก็ต้องหาวิธีรับมือกับคนที่คุณไม่ชอบใจในออฟฟิศให้ได้ เพื่อประโยชน์ของคุณเอง
- ถามตัวเองให้ชัดเจนว่า เป้าหมายของคุณในการทำงานที่นี่คืออะไร – ถ้าคำตอบของคุณคือการมาหาเลี้ยงชีพ มาแสวงหาความสำเร็จให้ชีวิต มาทำงานที่คุณรัก คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างโลกใหม่หรือสร้างสังคมการทำงานในอุดมคติ หรือมาหาชีวิตที่อบอุ่นแสนสุขจากการทำงาน คุณต้องเลือกใช้ชุดความคิดใหม่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ไม่ชอบใจในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานการณ์ เป็นเพียงอุปสรรคพื้นฐานที่คุณต้องก้าวข้ามให้พ้น ไม่ใช่สิ่งที่จะมาหยุดความฝันของคุณ
- มองโลกอย่างที่เป็นจริง มองคนให้ลึก และมองให้รอบด้าน – โยนอคติเดิมๆ เกี่ยวกับผู้คนทิ้งไปให้หมด เป็นธรรมดาที่คนเราจะมีความรู้สึกถูกชะตาหรือไม่ถูกชะตากับคนบางคนเป็นพิเศษ แต่ในโลกการทำงาน คุณต้องมองให้ออกว่า คนทุกคนเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ในฐานะฟันเฟืองหนึ่งสำหรับความสำเร็จของงานนั้นๆ คนทุกคนจึงมีประโยชน์ จะมากน้อยก็แล้วแต่ ไม่ว่าคุณจะชอบเขาหรือไม่ชอบ ถ้าคุณไม่ได้มีอำนาจพอที่จะไล่คนที่คุณคิดว่าเขาร้ายออกไปให้พ้นทาง จงเปลี่ยนมามองหาข้อดีของเขาที่จะมีต่อการงานหรือมีกับคุณให้เจอจะดีกว่า เพื่อที่จะทำอะไรให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน แทนที่จะมานั่งเกลียดกันให้เสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
- ใช้สติปัญญาป้องกันตัวเองให้พ้นจากความร้ายกาจทุกประเภท – โดยทั่วไปคนเราจะมีสัญชาตญาณการป้องกันตัวเองโดยธรรมชาติ เช่น วางท่าให้น่าเกรงขามดุดัน แสดงความโอนอ่อนผ่อนตาม ประจบสอพลอ ทำนิ่งเฉย…แกล้งตาย ฯลฯ แต่ทางที่ดีเราไม่ควรปล่อยให้สัญชาตญาณมากำหนดพฤติกรรม เพราะเราเป็นคนไม่ใช่สัตว์ ก่อนที่เราจะแสดงอาการต่อต้านหรือยอมแพ้ทันทีโดยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ให้ใช้สติพิจารณาว่า เขาร้ายกาจยังไง ร้ายเพราะอะไร ทำไมเขาจึงแสดงพฤติกรรมนั้นออกมา แล้วใช้ปัญญาวิเคราะห์ว่า คุณควรตอบสนองอย่างไร ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกับตัวคุณเองและกับงาน เช่น คนบางคนร้ายเพราะโลภ บางคนอยากอยู่เหนือคนอื่น บางคนอยากได้หน้า อยากได้ความยอมรับ อยากมีชื่อเสียง อยากได้รับความเอ็นดูเป็นที่รัก ถ้าคุณสามารถตอบสนองเขาได้ตรงจุดโดยตัวเองไม่เดือดร้อน ถึงเขาจะร้ายแค่ไหน ก็จะไม่มีวันเป็นศัตรูกับคุณ เหมือนกับที่สิงโตและจระเข้ในสวนสัตว์ไม่เคยกัดคนเลี้ยงที่ให้อาหารมันนั่นแหละ
- วางตำแหน่งตัวเองให้เหนือสถานการณ์– วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่ร่วมกับผู้คนไม่ว่าจะดีหรือร้ายคือการทำตัวเองให้เป็น Untouchable Person คือเก่งจริง รอบรู้จริง ในงานที่ทำ มีความซื่อสัตย์และสร้างผลงานที่ดีให้เกิดแก่องค์กรอย่างชัดเจน จนเป็นที่ยอมรับว่า คุณมีความสามารถ ใครๆก็ต้องพึ่งพาคุณ ไม่ว่าเขาจะดีหรือร้าย จะชอบหรือไม่ชอบคุณก็ตาม ก็ไม่มีใครกล้ามาร้ายกับคุณ เพราะหาคนเก่งหรือดีเท่าคุณมาทำงานแทนได้ยาก และจงใช้ความสามารถที่คุณมีในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกคนด้วยความจริงใจ เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกอิจฉาที่อาจเกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบแข่งขัน ให้กลายเป็นความรู้สึกว่า โชคดีที่มีคุณคอยช่วยอยู่ในทีม
คำแนะนำที่ว่ามานี้ จะทำให้คุณปลอดภัยจากการเสียสุขภาพจิต และจากความร้ายกาจของผู้คนในสิ่งแวดล้อมที่ทำงาน เพราะถ้าคุณยังเปลี่ยนโลกไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง ให้สามารถอยู่รอดในโลกที่ไม่ได้ดังใจใบนี้ จนกว่าคุณจะไปถึงจุดหมายที่ปรารถนา และหวังว่า…คุณจะไม่เผลอเป็นคนร้ายกาจเสียเอง