เที่ยวโอซากา (OSAKA, Japan)

เที่ยวโอซากา 20190430-20190504

 สายการบิน : ไลออนแอร์ = 30,556 บาท ( 4 คน ไป-กลับ) / 30 เม.ย.-4 พ.ค. 62 / ( Flight + Seat + Insurance + Baggage + Tax ) ในส่วนค่าเดินทาง อย่าลืมบวกค่าแท็กซี่ไป-กลับสนามบินดอนเมืองรวมค่าทางด่วนอีกประมาณ 1,000 บาท  ♥♥ ♥ 

 

 ที่พัก : airbnb = 23,518.38 บาท / 30 เม.ย.-4 พ.ค. 62 / ( Osaka 3bedrooms  2showers  2toilets Free Wifi ) X 5 วัน – 4 คืน / Map :  https://goo.gl/maps/DKrcjFhpbWB2
Link :  Private house 天神の森ハウス  – ♥♥ ♥ ♥ ♥ 

 

อินเตอร์เน็ต : AIS Sim2Fly คนละ 399 บาท X 4 คน = 1,596 บาท / เน็ต Non-stop 5 GB / ใช้ได้นาน 8 วัน / สัญญาณดีมาก ใช้ได้สะดวกทุกวัน ไม่มีปัญหาเลย / โทรกลับไทย ค่าโทรนาทีละ 6 บาท  – ♥♥ ♥ ♥ ♥ 

 

ประกันเดินทาง : ซื้อผ่าน ไลออนแอร์ 4 คนรวมกัน =  796 บาท  / ครอบคลุมประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ การยกเลิกเที่ยวบิน กระเป๋าหาย  – ♥♥ ♥

 

แลกเงิน : แลกเงินสด pocket money ติดตัวคนละ 10,000 บาท X 4 คนรวมกัน =  138,312 เยน ( อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท =  3.45 เยน ) สำหรับซื้อของกิน  ช้อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ ค่าตั๋วรถไฟ ค่าแท็กซี่ และ ค่าเข้าสถานที่ ที่ไม่สามารถใช้ Amazing Pass ได้ / รายการที่ยอดเกิน 5,000 เยน จะใช้ บัตรเครดิต – ♥♥ ♥

 

 Osaka Amazing Pass : ตั๋วใบเดียวที่ใช้ได้ครบ ทั้งรถไฟ รถบัส ลงเรือ เข้าชม และ ใช้บริการ ในสถานที่ท่องเที่ยว / ค่าตั๋ว Amazing Pass สำหรับ 2 วัน (2-DAY PASS) ราคา 3,300 เยน X 4 คน = 13,200 เยน เราไปถึงวันที่ 30 เม.ย. และ ใช้ตั๋วนี้ สำหรับ วันที่ 1 และ 2 พ.ค. ส่วนวันที่ 3 พฤษภาคม ไปไหนไม่กี่แห่ง เลยซื้อตั๋วเป็นเที่ยว  ส่วนวันที่ 4 พ.ค. เดินทางกลับตั้งแต่ช่วงสาย ซื้อแค่ตั๋วรถไฟจากบ้านไปสนามบิน – ♥♥ ♥♥ ♥


รวมค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวโอซากา ขั้นต่ำ โดยประมาณ สำหรับ 4 คน = 101,866 บาท

เฉลี่ยคนละ 25,466.50 บาท

หมายเหตุ – ราคานี้ ไม่รวมค่าของฝากของหิ้ว ค่าช้อปปิ้ง หรือของกินพิเศษ อันนั้นจ่ายเองส่วนตัว ของใครของมัน ต้องพกเงินเพิ่มกันมาเอง ยอดขั้นต่ำนี้คือ งบประมาณพื้นฐานที่คนจัดทริปเป็นผู้จ่ายให้จ้ะ

ความสนุกของทริปนี้คือการพักบ้านที่มีข้าวของทุกอย่างพร้อม เข้าไปแล้วใช้ชีวิตได้เหมือนเจ้าของบ้านจริงๆ มีครัวที่มีอุปกรณ์ครบ เราสามารถซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านมาทำกินได้สบาย บางวันหุงข้าวญี่ปุ่น แล้วซื้อไข่ปลาอร่อยๆ กับปลาดิบต่างๆ มาทำข้าวหน้าปลาดิบกินเอง สะใจมากๆ และบางวันตอนค่ำหลังจากออกไปเที่ยวเสร็จกลับมาบ้าน เราก็แวะซื้ออาหารสำเร็จรูปหน้าตาดีๆ และสาเก ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก จากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน มาล้อมวงกินกันทั้งครอบครัว บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านตัวเอง อบอุ่น ไม่หรู แต่สนุกสนาน เป็นความทรงจำที่ดีร่วมกัน เพราะลูกโตแล้ว ต่อไปคงไม่ได้เที่ยวด้วยกันแบบนี้อีกบ่อยๆ


วันอังคารที่ 30 เมษายน 2562

05.55 น.  – เดินทางด้วย สายการบินไลออนแอร์ เครื่องออกจาก สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.

13.45 น. – ไปถึง สนามบินคันไซ (Kansai International Airport)  เวลาประเทศไทยคือ 11.45 น. / เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม. / เดินลงจากเครื่อง 3 นาที แล้วขึ้นรถไฟฟรีในสนามบินไป ตม.

14.18 น. – ออกมาจากด่านตม. เรียบร้อย

14.23 น. – ไปซื้อตั๋ว AMAZING PASS ราคา 3300 เยน X 4 คน

14.45 น. – ไปซื้อตั๋ว  Nankai Line Limited Express ราคา 1270 เยน X 4 คน / ระหว่างรอรถไฟ เราไปซื้ออาหารกินรองท้องที่ร้านสะดวกซื้อในชานชลา ชื่อร้าน NASCO ในร้านมีที่ให้นั่งกินรอรถไฟด้วย

15.00 น. – ขึ้นรถไฟ เป็นที่นั่งแบบมีเลขระบุตามตั๋ว ในรถไฟมีตู้ขายน้ำด้วย / เรานั่งไปถึง Sakai Station แล้วลงมาเปลี่ยนขบวน เพื่อไปสถานี Kishinosato Tamade

15.45 น. – มาถึงสถานี Kishinosato Tamade หน้าสถานีมีห้าง Max Value เราแวะซื้อของนิดหน่อย แล้วเดินจาก Max Value ใช้เวลา 4 นาที ถึงบ้านพัก อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส

บ้านหลังนี้เล็กนิดเดียว แต่ดีมาก มีสองห้องนอนชั้นบน และที่นอนเสริมข้างล่างอีกหนึ่งจุด มีห้องสุขาสองห้อง ห้องอาบน้ำสองห้อง มีระเบียงดาดฟ้าที่เปิดไปเห็นวิวสวนสวยสดชื่น ตั้งอยู่ในทำเลที่ปลอดภัย ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหลายสถานี เช่น #Tenjinnomori #KishinosatoStation / #NankaiLine #KishinosatoTamade ใกล้ร้านสะดวกซื้อ ทั้ง Family Mart , Lawson , 7-11 และซูเปอร์มาร์เก็ต Max Value ในบ้านมีของใช้จำเป็นให้ครบทุกอย่าง แม้แต่พรินเตอร์ เครื่องซักผ้าอบผ้า ที่รีดผ้า เครื่องครัว เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้า เตาทำอาหาร เตาอบ ฯลฯ หิ้วกระเป๋าเล็กๆมาใบเดียวก็อยู่ได้เลย

16.05 น. – มาถึงถึงบ้านพัก ตั้งอยู่ติดกับศาลเจ้า Tenjinnomori Ten Mangu ย่านที่เราพักนี้เรียกโดยรวมว่า ย่าน Tenjinnomori  / เอากระเป๋าไปเก็บ ล้างหน้าล้างตา พักผ่อนที่บ้าน แล้วออกไปหาของกินที่ย่าน Namba และ Dotonburi โดยเดินจากบ้านกลับไปขึ้น Nankai Line ที่สถานี Kishinosato Tamade ที่อยู่ตรง Max Value ♥♥ ♥ ♥ ♥ 

18.10 น. – รถไฟสาย Nankai Line ออกจากสถานี Kishinosato Tamade  ค่ารถคนละ 210 เยน นั่ง 3 ป้าย ใช้เวลา 7 นาที ไปถึง สถานี Namba Station แล้วเดินจากสถานีประมาณ 2 นาทีก็ไปถึงย่าน Namba

18.45 น. – กินอาหารเย็นเป็น Kaisen Don (ข้าวหน้าปลาดิบ) ที่ร้าน Wakasaya ในถนน Namba จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ทั้งในย่าน Namba และ Dotonbori ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ♥♥ ♥ ♥ ♥ 

22.00 น. – กลับถึงบ้าน ระหว่างทางแวะซื้อของกินนิดหน่อยก่อนนอน


วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2562

09.00 น. – ตื่นมากินกาแฟ กินอาหารเช้าเบาๆ ที่บ้าน

10.00 น. – ออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถไฟ แต่วันนี้ไม่ขึ้น Nankai Line ไปสถานีอื่น โดยระหว่างทางแวะกิน ราเมง ในร้านเล็กๆ ก่อนขึ้นรถไฟ วันนี้ฝนตกปรอยๆ อากาศเย็นชื้น เหมาะที่จะกินราเมงร้อนๆมาก

11.15 น. – มาถึงร้านราเมง

12.00 น. – ขึ้นรถไฟที่สถานี Kishinosato เพื่อไป The National Museum of Art Osaka ซึ่งอยู่ในแขวง Nakanoshima  (ย่านนี้เป็นย่านอาคารราชการและตึกสูง มี หอศิลป์แห่งชาติโอซากา และ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน) ระหว่างทางต้องเดินไปจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที ใกล้กับ แม่น้ำโดจิมะ ( Dojima River ) ซึ่งเป็นเส้นทางล่องเรือ Nakanoshima River Cruise

12.35 น. – มาถึง The National Museum of Art Osaka สามารถใช้บัตร Amazing Pass เป็นตั่วเข้าได้ แต่พอดีวันที่มานี้ เป็นวันเฉลิมฉลองการเข้าสู่ยุค เรวะ เขาเลยให้เข้าฟรี นิทรรศการที่เราได้ชมเป็นของศิลปินชื่อ Christian Boltanski 

13.30 น. – เข้าชม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซากา ( Osaka Science Museum ) ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้กับหอศิลป์ ใช้ Amazing Pass แทนตั๋วได้เช่นกัน แต่ต้องเข้าคิวไปแสกนบัตรของเราและออกเป็นตั๋วเฉพาะสำหรับเข้าสถานที่   

13.50 น. – ออกจาก พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซากา ( Osaka Science Museum ) เราจะไป  ปราสาทโอซากา (Osaka Castle)  ระหว่างทางฝนตกเราจึงเรียกรถ Taxi ไปที่สถานี Fukushima เพื่อนั่งรถไฟ Osaka Loop Line เดินทาง 5 ป้าย ใช้เวลา 13 นาที ลงที่สถานี Osakajokoen Station แล้วเดินต่ออีก 1.3 กิโลเมตร (ถ้าเดินแบบไม่แวะ จะใช้เวลา 15 นาทีก็ถึงปราสาท แต่เราเดินแวะเที่ยวกิน แถมยังไปนั่งเรือ Aqualiner ชมวิวเล่น ก่อนขึ้นปราสาท เลยใช้เวลาเป็นชั่วโมง) เพื่อจะไป ปราสาทโอซากา (Osaka Castle) 

14.50 น. – เข้ามาเดินเล่นในโซน Osaka Castle Park แล้ว วันนี้คนเยอะมากเพราะมีคอนเสิร์ตที่ Osakajo Hall ซึ่งอยู่ในโซนเดียวกับ Osaka Castle Park หาร้านอาหารแทบไม่ได้เลย คนเต็มหมด มีแต่เด็กผู้หญิงนับพันคน เขาถือป้ายมา meet and greet ศิลปินคนโปรด เลยต้องเปลี่ยนจากหาร้านกินข้าว มาเป็นซื้ออาหารกล่องจาก LAWSON ในบริเวณนั้นมานั่งกินข้างทาง ก่อนจะไปเดินเล่นในสวนริมน้ำ และเอาบัตร Amazing Pass ของเรา ไปแลกตั๋ว Aqualiner ชมย่านประวัติศาสตร์ของ แขวงชูโอ ( Chuo )

15.30 น. – นั่ง Aqualiner ซึ่งเป็นเรือที่มีหลังคาเป็นกระจก ปรับสูงต่ำได้ (เพื่อให้สามารถลอดสะพานที่มีมากมาย) ชมย่านประวัติศาสตร์ของ แขวงชูโอ ( Chuo ) ใช้เวลาบนเรือประมาณ 50 นาที

16.35 น. – ขึ้นจากเรือมาหาของกินระหว่างทางนิดหน่อย ตอนเดินไป ปราสาทโอซากา (Osaka Castle)

17.20 น. – ขึ้นมาถึงด้านหน้าของ ปราสาทโอซากา (Osaka Castle) หลังจากเดินผ่านสวน  ข้ามสะพาน ขึ้นมาตามบันไดที่เลาะไปตามเนินเขา ปราสาทนี้ปกติจะปิด 5 โมงเย็น แต่วันนี้พิเศษ เพราะเป็นวันฉลองยุคใหม่ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ เลยปิด 6 โมง / สามารถใช้บัตร Amazing Pass เป็นบัตรผ่านประตูได้ แต่ต้องเอาบัตรไปแสกนก่อน

17.35 น. – ขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดของ ปราสาทโอซากา (Osaka Castle) ซึ่งเปิดระเบียงทั้งสี่ด้านเป็นจุดชมวิว มุมสูง เห็นทัศนียภาพของเมืองโอซากาได้กว้างไกล ความจริงควรเดินชมไล่ตามชั้นต่างๆขึ้นมา แต่พอดีว่าเรามาถึงตอนเย็นแล้ว ถ้าเดินขึ้น จะไม่มีเวลาพอ เลยขึ้นลิฟต์มา และขากลับก็เดินลงเพื่อชมส่วนนิทรรศการต่างๆ ซึ่งน่าเสียดายที่ดูได้ไม่มาก เพราะรีบ เขาจะปิดแล้ว

18.30 น. – เดินจากบริเวณสวนด้านนอกของปราสาทเพื่อไปขึ้นรถไฟ ที่สถานี Temmabashi Station นั่งไป 2 ป้าย ใช้เวลาประมาณ 5 นาที มาที่สถานี Higashi-Umeda Station ระหว่างทางเป็น Mall มีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย สามารถเดินจากสถานีนี้ไปที่ห้าง HEP FIVE ได้

19.30 น. – แวะกินอาหารค่ำมื้อด่วนระหว่างทางในมอลล์ใต้ดินที่เชื่อมกับสถานีรถไฟ / แยกกันกินกับลูก พ่อแม่ไปกิน ข้าวหน้าปลาดิบ และ ซูชิ ส่วนลูกไปกิน ข้าวหน้าแกงกะหรี่ และซื้อ Tart กินที่ร้าน Pablo Mini

21.00 น. – เอาบัตร Amazing Pass มาต่อคิวขึ้น Hep Five Ferris Wheel ก็คือนั่งชิงช้าสวรรค์ ชมแสงสียามราตรีของโอซากา ต้องเข้าคิว แต่ไม่นาน ชิงช้าหมุนรอบละประมาณ 5 นาที

22.40 น. – เดินทางกลับที่พักจาก Hep Five Ferris Wheel  โดยเดินจากห้าง Hep Five  มาประมาณ 10 นาที (750 เมตร) เพื่อไปขึ้นรถไฟ Yotsubashi Line ที่สถานี Nishi-Umeda Sation ไปลงที่สถานี Kishinosato Station ระยะทาง 7 ป้าย ใช้เวลา 14 นาที / ระหว่างทางสถานีไปถึงบ้าน แวะซื้อของไปกินเล่นก่อนนอน อากาศค่อนข้างหนาว อุณหภูมิน่าจะต่ำกว่า 20 องศา

ระยะทางระหว่างสถานี Kishinosato Station ไปถึงบ้านเราที่อยู่ใกล้ศาลเจ้า Tenjinnomori Ten Mangu นั้นประมาณ 750 เมตร ซึ่งไกลกว่าการเดินจากสถานี Kishinosato Tamade Station (ที่อยู่ติด Max value) แต่เส้นทางนี้เราไม่ต้องเสียเงิน ใช้ Amazing Pass ได้ เลยยอมเดินไกลหน่อย ไม่เป็นไร อากาศดี ไม่เหนื่อย


วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2562

13.15 น. – ไปเที่ยวและกินมื้อเที่ยง ที่ ตลาดปลาคุโรมอนอิจิบะ ( Kuromon Market )

ตลาดแห่งนี้ ไม่ได้ขายแค่ปลา แต่มีทั้งผัก ผลไม้ ขนม ดอกไม้ และของใช้ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะของใช้ที่เกี่ยวกับการทำอาหาร รวมถึงยังมีเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นขายด้วย วีร์ กับ วิศ ซื้อ กิโมโน จากร้านกิโมโนมือสองมา 3 ตัว ราคาตอนใหม่ๆ ตัวนึงคงหลายหมื่นบาท แต่ในราคามือสอง ก็ตัวละไม่กี่พัน มีตำหนินิดหน่อย ซึ่งเด็กๆที่ซื้อไปใส่ถ่ายรูปเล่นก็ไม่เห็นเป็นปัญหา เพราะถ้าเป็นของไม่มีตำหนิ ก็คงแพงจนเราไม่มีปัญญาซื้อ

เรากินมื้อเที่ยงตอนบ่ายที่ตลาด Kuromon Market โดยเข้าไปในร้านที่เขาจัดอาหารพร้อมกิน แพ็คเป็นชุดๆ ให้หยิบไปจ่ายเงินแล้วนั่งเบียดๆกินกันในร้าน ถามว่า อร่อยไหม ก็แค่พอกินได้ และราคาถึงจะไม่แพง ก็ไม่ได้จัดว่าถูกจนต้องดีใจ ทั้งที่อยู่ในตลาดสด หากเทียบกับร้านสวยๆ นั่งสบายที่อื่น ก็คงแพงกว่ากันไม่มาก แต่รวมๆ ก็สนุกดี เป็นสถานที่หนึ่งที่ชอบที่ได้มาเที่ยว ถือว่าได้กินบรรยากาศ เป็นประสบการณ์ ได้เห็นอาหารทะเลสดๆ มากมาย คนเดินขวักไขว่ มีคนแกะหอยเม่นโชว์ ปิ้งขาปู แล่ปลาทูน่า ฯลฯ ดูแล้วตื่นตาตื่นใจ คนขายส่วนใหญ่ก็อัธยาศัยโอเค โดยเฉพาะพ่อค้าแกะหอยเม่นคนในรูปนี่ เห็นหน้าดุๆ อย่างนั้น แต่อัธยาศัยน่ารักมาก ถามว่า ขอถ่ายรูปได้ไหม เขาก็ยินดี

สำหรับนักกินที่เป็นคนช่างเลือก ก็เป็นที่รู้กันว่า อาหารตามตลาดปลาส่วนใหญ่นั้น อร่อยด้วยบรรยากาศ จะไปคาดหวังลีลาการทำอาหารขั้นสูงคงไม่ได้

แต่มีข้อดีตรงที่ความสดใหม่และราคาในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาของสด ยิ่งมีเรื่องของการท่องเที่ยวเข้ามา พ่อค้าแม่ขายที่ปรับตัวเก่ง สามารถทำเมนูเร่งด่วนขายได้เยอะและเร็ว รู้จักทำโชว์การปรุงอาหารและมีเสน่ห์เรียกลูกค้าได้น่าตื่นเต้น ก็ยิ่งเพิ่มความคึกคัก

คนแกะหอย คนหั่นปลา หลายคนกลายเป็นคนดังทั่วโลกชั่วข้ามคืน ด้วยฤทธิ์เดชกล้องมือถือนักท่องเที่ยวนี่เอง

Photo credit: http://www.naniwanoyu.com/onsen/index.html

1ุ6.40 น. – ไปแช่ออนเซ็นที่ Tennen Onsen Naniwa-no-yu เนื่องจากที่นี่เค้าให้แก้ผ้าหมด แยกชายหญิง ห้ามถ่ายภาพข้างใน จึงขอยืมภาพมาจากเว็บเค้า และภาพบรรยากาศด้านหน้าที่เราถ่ายเองนิดหน่อย ใช้บัตร Amazing Pass เข้าได้ โดยด้านหน้าจะมีตู้อัตโนมัติให้เรากดเช่าซื้อผ้าเช็ดตัวและของใช้จำเป็นต่างๆ เช่น ชุดชั้นใน สบู่แชมพู ฯลฯ ด้านในมีล็อกเกอร์ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า มีโซนอาบน้ำรวมให้ใช้ก่อนและหลังจากแช่น้ำอุ่น โดยโซนที่แช่ออนเซ็น มีทั้งบ่อภายในที่ควบคุมอุณหภูมิ และบ่อภายนอกที่รับอากาศธรรมชาติเต็มๆ มีทั้งบ่อรวมและบ่อเล็กแยกเป็นคนๆ นอกจากจะมีคนนั่งแช่น้ำอุ่นในบ่อแล้ว ยังมีคนนอนและนั่งแก้ผ้าตากแดดตากลมกลางแจ้งด้วย ซึ่งไม่ใช่อากาศร้อนนะ … วันนี้ถือว่าหนาวเลยแหละ  ส่วนบริการอื่นๆในสถานที่นี้ก็มี อบซาวน่า นวด และร้านอาหารด้านหน้า ที่คนออกมาก่อนก็มานั่งกินดื่มรอคนที่ออกมาทีหลัง

1ุ8.40 น. – เดินเที่ยวชมบรรยากาศในแขวง Nakanoshima ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์ราชการ พิพิธภัณฑ์ หอประชุมใหญ่ และสำนักงานต่างๆ ของโอซากา ล้วนเป็นตึกสูง พอตกกลางคืนจะเงียบมาก

1ุ9.30 น. – ล่องเรือ Nakanoshima River Cruise ชมบรรยากาศโรแมนติกยามเย็น ไปตามสายน้ำเย็นฉ่ำของ แม่น้ำโดจิมะ ( Dojima River ) แม่น้ำสายสำคัญของ แขวง Nakanoshima  / ตั๋วเรือ ใช้ Amazing Pass ได้ โดยเอาบัตรไปแสกนและแลกตั๋วเรือแล้วนั่งรอรอบของเรา ตอนขึ้นไปนั่งบนเรือ เขาจะแจกหูฟังให้ฟังการบรรยาย มัที่มีให้เลือกว่าจะเอาภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ และฟังเพลงบรรเลงไพเราะ

20.25 น. – กินอาหารค่ำ สไตล์คิวชูที่ ร้าน Hakatarou ตั้งอยู่ในโรงแรม Mitsui Garden Osaka Hotel เมนูอาหารเป็นสไตล์คิวชู มีหลายรายการ เสิร์ฟมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ อาหารเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ ราเมงสลัด เนื้อย่าง ตามด้วย Hot pot มัตซึนาเบะ – อาหารขึ้นชื่อของ ฟูกุโอกะ (ฟูกุโอกะเป็นเมืองในเกาะคิวชู) เป็นต้มซุปเครื่องในใช้ลำไส้ของวัวหรือ หมู ใส่ผักกะหล่ำ ต้นหอม พริก โชยุ มิโสะ หรือเครื่องปรุงรสต่างๆ เมื่อกินผักและมัตสึ (เครื่องใน) หมดแล้ว จะใส่ เส้นชัมปงหรือข้าวลงในน้ำซุปที่เหลืออยู่เป็นการปิดท้าย ซดคล่องคอ เหมาะสำหรับวันอากาศเย็นๆ ผักดอง และล้างปากด้วยไอศกรีมซอร์เบ / ราคาคนละ 5,000 เยน

22.30 น. – ไปชมสีสันยามราตรี ดูวัยรุ่นหนุ่มสาวออกมาสังสรรค์กัน ที่ย่าน Namba เพราะคืนก่อนที่มานั้น ส่วนใหญ่จะเน้นหาของกินและช้อปปิ้ง ไม่ได้เห็นไนท์ไลฟ์มากนัก


วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2562

11.00 น. – กินมื้อเที่ยง ที่ร้านอร่อยแถวบ้านในย่าน Tenjinnomori-ten ชื่อร้าน とんかつ一番天神ノ森店 (อ่านว่า – Ton katsu ichiban Tenjin’nomori-ten ) ♥♥ ♥ ♥ ♥ 

เดินเรื่อยๆจากบ้านมาราวห้านาที ตามรอยรีวิว ซึ่งเขาว่า เป็นร้านทงคัตสึ ที่ดีที่สุดใน South Osaka บริการดีมีน้ำใจ ถึงจะพูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สัมผัสได้ถึงมิตรไมตรี ตั้งใจต้อนรับสุดๆ อาหารอร่อยจริง เป็นร้านที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ถึงรุ่นลูก คนแถวนี้อุ้มลูกจูงหลานมากินไม่ขาดสาย

เครดิตรูปภาพ : https://www.kaiyukan.com/language/thai/about.html

13.30 น. – ไป พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง ( Osaka Aquarium KAIYUKAN ) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและทวีปเอเชีย ตั้งอยู่ที่ เท็มโปซังฮาเบอวิลเลจ ในเมืองโอซากา จุดเด่นของที่นี่ประกอบด้วย ถ้ำทะเล วงแหวนไฟ-วงแหวนชีวิต และ มหาสมุทรแปซิฟิก / สำหรับรูปภาพภายใน ขอยืมมาจากเว็บไซต์ของ ไคยูกัง ตามลิงค์นี้ https://www.kaiyukan.com/language/thai/about.html

16.30 น. – ไปช้อปปิ้งที่ห้าง Abeno Harukas   あべのハルカス เป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

Harukas 300 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโอซากา ตึกนี้ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า Kintetsu ศูนย์อาหาร ซึ่งส่วนของห้างจะมี 14 ชั้น (3 ชั้นบนสุด เป็นร้านอาหาร) เป็นที่ตั้งของโรงแรม Marriott Osaka Miyako ด้านบนเป็นหอชมวิว Harukas Observation Deck 300 ซึ่งอยู่บนชั้น 60 ระดับความสูง 300 เมตร เป็นจุดชมวิวแบบ 360 ของโอซากา เป็นที่มาของคำว่า Harukas 300 ทริปนี้เราอดขึ้นไปชม เพราะเป็นช่วงวันพิเศษ คนเยอะมาก รู้สึกไม่สบายถ้าต้องเบียดๆในลิฟต์ เลยขอผ่าน

 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจในย่าน หอคอย Tsutenkaku  คือ รูปปั้นของเทพเจ้า Biligen ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าแล้ว ผู้ลูบจะโชคดีมีสุข

19.30 น. – ไปชมสีสันยามราตรี ที่ หอคอย Tsutenkaku สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโอซาก้า

สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในค.ศ. 1912 เพื่อเป็นเครื่องหมายของเมืองใหม่ Shinsekai ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานเอ็กซ์โป สีของไฟที่เปิดบนตัวหอคอยจะเป็นตัวบ่งบอกสภาพอากาศ โดยแต่ละสีจะบอกถึงลักษณะอากาศต่างๆกันไป / สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจที่นี่คือ รูปปั้นของเทพเจ้า Biligen ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าแล้ว ผู้ลูบจะโชคดีมีสุข / แถวนี้มีร้านอาหาร กินดื่ม บรรยากาศสนุกๆ มากมาย มีร้านที่ให้ตกปลาตกกุ้งมาทำอาหารกินด้วย แต่คนเยอะมากๆ ต้องรอคิวยาว


วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562

8.30 น. – วันนี้เราจะกลับแล้ว แม่ลูกก็ตื่นมาช่วยกันเก็บของ และเก็บขยะไปทิ้ง ส่วนพ่อออกไปซื้อของกิน 

กินอาหารเช้ายามสาย ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน มีเมนูให้เลือกเยอะแยะ เป็นข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่างๆ หน้าตาสวยงาม นั่งล้อมวงกินกัน

10.30 น. – โดยปกติ บ้านนี้เขาจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดตอน 11 โมงหลังจากที่เราเช็คเอ๊าท์ แต่สำหรับเรา คนที่ประสานการเช่าเขารู้ว่า เครื่องบินเราออกตอนบ่าย เลยให้เรา Late Checkout ได้นิดหน่อย … อย่างไรก็ตาม พอถึง 11 โมงแม่บ้านก็มาเคาะประตู เรายังไม่พร้อม เลยให้เขารอหน่อย

11.20 น. – หลังจากเก็บของเสร็จกินเสร็จก็ออกจากบ้าน และก่อนออกก็ถ่ายรูปหน้าบ้านและในซอยเป็นที่ระลึกนิดนึง จากนั้นก็ลากกระเป๋าเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Kishinosato Tamade ใกล้ Max Value

12.10 น. – ขึ้นรถไฟ Nankai Line ไปสนามบิน Kansai International Airport ที่ สถานี Kishinosato Tamade ค่าตั๋วคนละ 1,380 เยน โดยต้องนั่งรถ 2 ต่อ  เริ่มต้นขึ้น Nankai Line นั่งไป 5 ป้าย (9 นาที) ลงที่สถานี Sakai Station จากนั้นต่อรถ Nankai Limited Express อีก  26 นาที (4 ป้าย) ไปยัง Kansai Airport Station

อาหารในร้านที่สนามบิน ราคาไม่โหด รสชาติพอกินได้ แพงกว่าข้างนอกนิดหน่อย แต่คิวยาว

13.10 น. – เช็คอินและผ่านด่านต่างๆเรียบร้อย ระหว่างรอเครื่องออกตอน 15.00 น. แยกย้ายกันไปช้อปปิ้ง และกินข้าวด้วยกันที่สนามบินก่อนออก โดยต้องเผื่อเวลานั่งรถไฟจาก Terminal ไป Onboard  และไปให้ถึง Gate ตอนเวลา 14.15 น. ไม่งั้นมีสิทธิ์ตกเครื่อง

15.00 น. – เครื่องออกจาก Kansai International Airport

19.05 น. – ถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ


♥♥ ♥ ♥ ♥  นอกจากประสบการณ์เดินทางที่น่าประทับใจ ความสะดวกสบายในการสื่อสารของทริปนี้ ขอปรบมือดังๆ ให้กับบริการ #SIM2FLY ของ #AIS ในราคาไม่แพง แค่ 399 บาท แต่ใช้ดีมาก ไม่ติดขัดเลย … MonsterMom ขอแนะนำให้ฟรีๆ ไม่มีค่าโฆษณาใดๆ  🙂


ใครมีคอมเมนต์ หรืออยากคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ท่องเที่ยวกับ MonsterMom ติดต่อเราได้ใน เฟซบุ๊คแฟนเพจ : https://www.facebook.com/MonsterMom/

หรือไปตาม QR code นี้ได้เลยจ้า ….ขอบคุณที่กรุณาติดตาม ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ 🙂