สิริมงคลในความเชื่อแบบไทย
Prosperity in Thai belief
ทุกประเทศในโลกมีความเชื่อเกี่ยวกับสิริมงคลที่แตกต่างกันไป แม้แต่ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความเจริญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของโลก ก็ยังมีเรื่องราวของสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างเช่นเกร็ดเรื่องเล่าของพิธีกรรมการกินถั่วโชคดีเสริมความมั่นใจของทีมงานองค์การนาซา ในระหว่างปฏิบัติการปล่อยยานอวกาศออกไปนอกโลก ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งว่ากันว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากการกินของขบเคี้ยวเพื่อคลายความตึงเครียดในระหว่างการปฏิบัติภารกิจสำคัญ แต่มีการทำซ้ำๆกันเรื่อยมาจนกลายเป็นความเชื่อว่า เป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งที่สนับสนุนความสำเร็จและความโชคดีของปฏิบัติการปล่อยยานอวกาศของหน่วยงานระดับโลกนี้ ทำนองเดียวกับพิธีกรรมการเจิมยานพาหนะต่างๆ เรื่อยไปจนถึงอากาศยาน เรือดำน้ำ หรือเรือรบที่มีสมรรถนะสูงส่งด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเหนือชั้น ก็ยังเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในสิริมงคลที่ทำให้ยวดยานเหล่านั้นแคล้วคลาดจากภัยอันตรายและความขัดข้องทั้งหลาย
ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นสิริมงคลในวัฒนธรรมไทยเราได้รับอิทธิพลมาจากหลายแหล่ง แต่หากจำแนกแนวทางให้เห็นภาพชัดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องบ้านช่องเคหสถานและชีวิตประจำวัน ก็สามารถแบ่งได้ออกเป็นแง่มุมที่น่าสนใจและนำไปปฏิบัติตามได้ไม่ยาก ดังนี้
ทิศมงคล – การออกแบบและจัดองค์ประกอบของสิ่งต่างๆในบ้านให้ตรงกับทิศที่ถือว่าเป็นมงคล มีทั้งที่มาจากอิทธิพลความเชื่อแบบพราหมณ์และจากหลักฮวงจุ้ย จึงขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของบ้านเลือกใช้ชุดความคิดและความเชื่อจากอิทธิพลไหนเป็นตัวกำหนด โดยทั่วไปบ้านคนไทยจะเลี่ยงการหันหน้าไปหาทิศตะวันตก และไม่หันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก แต่ในการจัดวางสิ่งของในบ้านหรือปลูกต้นไม้ให้เป็นมงคล จะมีเรื่องของลัคนาราศีเกิดของเจ้าบ้านมาเป็นตัวพิจารณาด้วย เพราะคนที่เกิดในช่วงเวลาที่ต่างกัน จะมีธาตุ และโชคชะตาราศีต่างกัน ทิศที่เป็นมงคลในการวางสิ่งของต่างๆของแต่ละคนจึงต่างกันไปด้วย
สีมงคล – ความเชื่อเรื่องสีมงคลในวัฒนธรรมไทยส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมตามเชื้อชาติ ถ้าเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จะเชื่อว่าสีแดงและสีทองคือสีที่เป็นมงคล ในขณะที่สีเหลืองจะสื่อถึงความเป็นผู้ทรงศีลหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนา แต่ถ้าเป็นอิทธิพลจากพุทธและพราหมณ์ ก็จะต่างออกไปอีก อย่างในการใช้ธูปจุดบูชา ธูปสีทองจะใช้เพื่อบูชาพระรัตนตรัย หรือพระอรหันต์ ธูปสีม่วงใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือดวงวิญญาณลึกลับ เช่น พระภูมิ เจ้าที่ ธูปสีดำใช้บูชาพระราหู นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการสวมเสื้อผ้าสีตามวัน และการใช้อัญมณีที่มีสีตรงกับสีวันเกิดเพิ่มเสริมราศี เป็นการสร้างสิริมงคลตามความเชื่อทางโหราศาสตร์
จำนวนและตัวเลขมงคล – คนไทยแต่เดิมจะนิยมใช้เลขคี่ในพิธีกรรมหรือกิจกรรมที่เป็นมงคล ส่วนเลขคู่มักใช้ในพิธีกรรมที่เป็นอวมงคล อย่างการนิมนต์พระในงานมงคลทั่วไป จะนิยมนิมนต์พระ 5 รูป 7 รูป 9 รูป เหตุที่นิมนต์จำนวนคี่ เพื่อจะได้เป็นคู่เมื่อนับพระพุทธรูปด้วย โดยถือคติว่า พุทธัปปมุโข มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ยกเว้นงานแต่งงาน ตามคติโบราณนิยมนิมนต์พระเป็นคู่ คือ 6 รูป 8 รูป 10 รูป เพราะโบราณท่านถือเป็นเคล็ดให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นคู่กันตลอดไป ไม่แยกกัน แต่ถ้าเป็นงานทำบุญอายุจะนิยมนิมนต์พระให้เกินอายุขึ้นไปอีก เช่น ทำบุญอายุ 60 ปี ก็นิมนต์พระ 61 รูป นอกจากนี้ยังมีเลขมงคลยอดนิยม เช่น เลข 9 เป็นเลขมงคล ของไทย เพราะมีเสียงพ้องกับคำว่า ก้าว ซึ่งหมายถึง ก้าวหน้า คนส่วนใหญ่จึงยังคงนำเลข 9 มาใช้เป็นตัวเลขมงคล เช่น เลขที่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ หรือวันเริ่มกิจการต่างๆ ส่วนเลข 8 มีทั้งเชื่อว่า ดี และ ไม่ดี ในคนที่เชื่อว่าดี เนื่องจากรับมาจากจีน ที่ว่า เลข 8 เป็นเลขแห่งความร่ำรวย ส่วนที่เชื่อว่าไม่ดี เพราะเลข 8 เป็นเลขราหู แปลว่าทะเลาะวิวาท จะสร้างความเดือดร้อนให้ ส่วนเลขที่ไม่เป็นมงคลในความเชื่อแบบไทยคือ เลข 7 ถือว่าเป็นเลขแห่งความทุกข์ และ เลข 6 ที่ทำให้นึกถึงการหกล้ม ตกหล่น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ชื่อที่เป็นมงคล – การตั้งชื่อที่เป็นมงคลตามความเชื่อแบบไทย จะขึ้นอยู่กับวันเดือนปีเกิดของเจ้าของชื่อ แต่โดยทั่วไป จะต้องเลี่ยงคำที่มีความหมายไม่ดี ไม่ไพเราะ และเลี่ยงคำหรือตัวอักษรที่เป็นกาลกิณี คนสมัยก่อนจะต้องไม่ตั้งชื่อให้พ้องหรือเลียนแบบพระมหากษัตริย์ เพราะถือว่าเป็นความไม่สมควร ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ชีวิตจะวิบัติ ไม่เจริญรุ่งเรือง ควรเป็นชื่อที่เหมาะสมและถูกต้องทั้งในหลักโหราศาสตร์ และหลักโลกศาสตร์ คือ หลักความเป็นจริง ที่มีความหมายดี ไม่ผิดหลักภาษา
นอกจากหลักของความเป็นสิริมงคลแบบไทยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีความเชื่อของไทยอีกมากมายที่เกี่ยวกับศาสนา เทพเจ้า การบูชารูปเคารพและวัตถุต่างๆเพื่อเป็นสิริมงคล รวมถึงการปลูกพืชที่เสริมโชคชะตาราศี ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าใครจะเลือกเชื่อแบบไหน ก็คงไม่ผิดเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่สิ่งสำคัญคืออย่าลืมว่า สิริมงคลในชีวิตของคนเรานั้น มาจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คนทำดีก็ย่อมจะมีชีวิตที่ดี พบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และการไม่ไปละเมิดความเชื่อความศรัทธาของผู้อื่นก็จะทำให้ทุกคนในสังคมที่มีความเชื่อแตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติสุข
อ้างอิง:
https://moneyhub.in.th/article/ศาสตร์ตัวเลข ความเชื่อระดับอินเตอร์
http://www.thaibabyname.com/astrology_thai_naming.asp