COLOMBO, SRI LANKA
เวลาที่คนไทยส่วนใหญ่นึกถึงการไปเที่ยวศรีลังกา สิ่งแรกๆมักจะผุดขึ้นมาในใจคือการทัวร์ไหว้พระ ตามวัดต่างๆที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากพุทธประวัติ กิจกรรมการจัดทัวร์นนำเที่ยวพาคนไทยไปไหว้พระที่ศรีลังกาเติบโตทำรายได้เป็นล่ำเป็นสันให้กับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวมาช้านาน
แต่คงมีน้อยคนที่จะเคยได้ไปสัมผัสการท่องเที่ยวศรีลังกาแบบอื่นๆ โดยเฉพาะในแง่มุมที่ไม่ได้อิงศาสนา แต่เป็นการเที่ยวชมบ้านเมือง วิถีชีวิตผู้คน สัมผัสวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นจริงในชีวิตประจำวันของคนพื้นถิ่น ซึ่งแน่นอนว่ามีความแตกต่างจากวัฒนธรรมส่งออกที่มีไว้เพื่อขายนักท่องเที่ยวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ได้พบเห็น กิจกรรมปกติทั่วไปในชีวิตประจำวัน อาหารการกิน การแต่งกาย ประเพณีท้องถิ่น
ใครที่ปรารถนาจะค้นหาความประทับใจของศรีลังกาในแบบที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแพคเกจมาตรฐานของการท่องเที่ยว ขอแนะนำให้หาโอกาสไปเยือน นครโคลัมโบ ไม่ว่าจะไปเพื่อได้รู้ได้เห็น หาประสบการณ์ หรือเพื่อไปหาลู่ทางทำธุรกิจต่างๆ เพราะเป็นหนึ่งเมืองสำคัญของศรีลังกาที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตามอง ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาจากทั้งการยึดครองของนักล่าอาณานิคมในประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนแรงที่เพิ่งสิ้นสุดลงไป
การเริ่มต้นบรรยากาศแห่งความสงบที่เป็นเสมือนฟ้าหลังฝนของประเทศนี้ มีแรงดึงดูดนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์เข้ามาหาโอกาสทางธุรกิจ ในดินแดนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จากข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ที่มีทั้งทะเล ป่าเขา ทรัพยากรทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ลักษณะสังคม และ ลักษณะประชากรที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นมิตรคล้ายๆ กับคนไทยเราเมื่อหลายปีก่อน มีเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่อย่างน่าสนใจ
โคลัมโบ (Colombo) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าสำคัญ ทำเลดีเยี่ยมเพราะอยู่กึ่งกลางเส้นทางเดินเรือผ่านมหาสมุทรอินเดีย ตัวเมืองตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ สินค้าออกที่สำคัญของเมืองนี้คือยางพารา มะพร้าว และชา
ในอดีตก่อนโปรตุเกสจะเข้าสู่ลังกา โคลัมโบยังไม่มีความสำคัญน่าสนใจนัก ต่อเมื่อปี พ.ศ. 2108 ความสำคัญจึงเริ่มปรากฏให้เห็น เมื่อโปรตุเกสสร้างป้อมและกองบัญชาการใหญ่ขึ้นที่นี่ แม้ในสมัยฮอลันดาและอังกฤษปกครองโคลัมโบก็ถูกใช้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการ กระทั่งศรีลังกาได้เอกราชคืนมา รัฐบาลก็กำหนดใหโคลัมโบเป็นเมืองหลวง การประชุมแผนโคลัมโบ (Colombo Plan) จัดขึ้นที่นี่
นครโคลัมโบ ชื่อมาจากชื่อภาษาสิงหล เดิมว่า โคลาอัมบาโทตา (kola-amba-thota) แปลว่า ท่าเรือที่มีต้นมะม่วง ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวโปรตุเกสดัดแปลงชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
โคลัมโบ เป็นเมืองหลวงทางการค้า และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศศรีลังกามีอาณาเขตติดชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ยาวประมาณ 14 กิโลเมตร ชาวสิงหลเรียกโคลัมโบว่า “โคลอมบา”
ในช่วงที่ประเทศศรีลังกาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2339 นั้น ทำให้โคลัมโบได้กลายเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขาย ชาวอังกฤษได้มาก่อสร้างอาคารและจัดวางผังเมืองให้โคลัมโบ ทำให้กรุงโคลัมโบมีบรรยากาศคล้ายกรุงลอนดอนในประเทศอังกฤษ มีถนนทอดผ่านกลางเมืองโคลัมโบ และสองข้างถนนนั้นเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ ลักษณะตัวอาคารคล้ายกับอาคารในประเทศอังกฤษ ซึ่งรูปแบบผังเมืองนี้ยังคงอยู่ และร่องรอยอารยธรรมดั้งเดิมก็มีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วเมือง ผสมผสานกับความน่าทึ่งของการอนุรักษ์ต้นไม้ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีต้นไม้ใหญ่เขียวขจี กระทั่งถนนหนทางหลายจุด
ในท้องถิ่นก็มีการอ้อมหลบต้นไม้ ทำให้เมืองร่มรื่นสบายตา แม้ว่าในปัจจุบันนี้เมืองกำลังมีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว มีตึกสูงและโครงการขนาดใหญ่ผุดขึ้นมากมายก็ตาม
โคลัมโบเป็นเมืองที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล ทำให้ในสมัยโบราณจึงมีพวกพ่อค้าจากต่างประเทศ เช่น อาหรับ สเปน โปรตุเกส มาขึ้นบกที่โคลัมโบ เพื่อมาทำธุรกิจค้าขายกับประเทศศรีลังกา สินค้า ซึ่งเป็นที่ต้องการมากในสมัยที่ชาวสิงหลยังไม่ได้ปลูกชา ได้แก่ เครื่องเทศ โดยเฉพาะกานพลู เป็นเครื่องเทศที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดอันดับหนึ่งของต่างประเทศ
ในการมาโคลัมโบ คุณจะได้เห็นในสิ่งที่แตกต่างกันจากมุมมองที่ไม่เหมือนกันเลย ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทาง เพราะถ้าคุณเป็นนักเดินทาง คุณรู้จักทำตัวกลมกลืนกับสถานที่ ผูกมิตรกับคนพื้นถิ่น คุณก็จะได้เห็นวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนในพื้นที่นั้น แต่ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว คุณก็ได้สัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวและใช้เวลาแบบนักท่องเที่ยว
การมาโคลัมโบแบบนักท่องเที่ยว สถานที่แนะนำซึ่งได้ชื่อว่า ‘ไม่ควรพลาด’ สำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งดังไปทั่วโลก แต่ชาวศรีลังกาบางคนก็อาจไม่เคยไป ทำนองเดียวกับที่ฝรั่งทั่วโลกรู้จักวัดพระแก้ว แต่คนไทยหลายคนไม่เคยไปนั่นแหละ เพราะคนท้องถิ่นกับคนที่มาเที่ยวย่อมมีวิถีที่แตกต่างกัน ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, วัดศรีพัทธานะรามายา, สวนสัตว์เดฮิวาลา, สีมามาลากายา, กัลล์ เฟซ, วัดคงคาราม, ศาลาประกาศอิสรภาพ, เคธิเรอซาน โควิล, เมาต์ลาวิเนีย, พิพิธภัณฑ์หุ่นกระบอก และ โบสถ์โวลเวนดาล เหล่านี้เป็นสถานที่ ‘เช็คอิน’ ของนักท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่า ใครยังไม่ได้ไปเยือนก็ถือว่ายังมาไม่ถึงโคลัมโบ
แต่ถ้าคุณอยากสัมผัสโคลัมโบเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ มีเวลาอย่างน้อยสักหนึ่งสัปดาห์ และถ้าจะให้โชคดีก็คือคุณรู้จักกับคนท้องถิ่นบ้าง คุณก็จะได้รู้ว่า ไลฟ์สไตล์ของชาวโคลัมโบเป็นอย่างไร และอาจรู้สึกว่า คล้ายๆ กับเมืองใหญ่ในบ้านเราอยู่เหมือนกัน คือมีความผสมผสานระหว่างความร่ำรวย และความยากจนที่ใกล้ชิดกันมาก
โคลัมโบมีทั้งถิ่นคนรวย มีแหล่งธุรกิจหรูหรา ห้างสรรพสินค้าและอาคารสาธารณะโก้หรู มีโรงแรมห้าดาวแบรนด์ระดับโลก มีคฤหาสน์หรูแพงระยับใหม่เอี่ยมอ่องของมหาเศรษฐี มีคาสิโนและสถานบันเทิงโต้รุ่ง ทั้งที่กฎหมายอนุญาตให้ร้านเหล้าปิดแค่สี่ทุ่ม มีคลับลอยฟ้าโก้เก๋อย่ตามดาดฟ้าโรงแรมห้าดาวที่มีหนุ่มสาวระดับไฮโซของโคลัมโบขับรถซูเปอร์คาร์ไปแฮงก์เอ๊าท์ปาร์ตี้กันสนุกสนาน มีร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแพงระยับสำหรับเศรษฐี คนต่างชาตินักท่องเที่ยวและมีร้านหาบเร่ริมทางอยู่ทั่วไปสำหรับคนท้องถิ่น มีคลับลึกลับใต้ดินบรรยากาศน่าสะพรึงที่มีการแสดงระบำหน้าท้อง ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงเก่าแก่ประจำชาติเพื่อการเริงรมย์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคอดีต อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับวัดและศาสนสถานมากมายที่เรียงรายอยู่ทั่วเมือง ในขณะเดียวกันก็แทรกด้วยอาคารเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ สวนสาธารณะ ชายหาด รวมถึง สลัม แหล่งคนยากไร้ที่สะท้อนซากปรักของสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
โคลัมโบมีทุกสิ่งหลอมรวมกันอย่างเสียดสีและลงตัวอย่างประหลาด จนก่อเกิดแรงดึงดูดให้หลายคนหลงใหลความหลากหลายของเมืองแห่งนี้ และแวะเวียนมาค้นหาเสน่ห์ของโคลัมโบไม่ขาดสาย